โค้ชธง จะไปต่อกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้อีกกี่นัด
ผ่านไป 2 อาทิตย์ กับฟุตบอลไทยลีก ทีมทั้งหมดก็ได้เล่นทั้งในบ้าน และนอกบ้านไปคนละนัดเรียบร้อย ทีมที่น่าสนใจต้องหยิบมาพูดถึงคงจะเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ ธงชัย สุขโกกี
โค้ชธง ได้รับโอกาสเข้ามาคุมทัพในช่วงนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว หลังเขาพา นครปฐม ยูไนเต็ด เลื่อนชั้น และคว้าแชมป์ ไทยลีก 2 ได้สำเร็จ แน่นอนเขาคือโค้ชที่แฟนบอลชาวไทยอยากเห็นฝีมือในการคุมทัพทีมใหญ่ที่พร้อมทั้งด้านงบประมาณ และนักฟุตบอล นอกจากการพา ‘เสือป่าราชา’ ขึ้นชั้นแล้ว รูปแบบการเล่น การปั้นดาวรุ่ง หรือการเน้นระบบการเล่นมากกว่าชื่อเสียงนักฟุตบอล คือจุดเด่นของโค้ชผู้นี้
อีกหนึ่งอย่างคือการ วิเคราะห์ ผ่านทางช่อง Youtube ของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบ และเข้าตาแฟนบอลชาวไทยเป็นอย่างมาก จนโอกาสมาถึง บีจี ดึงตัว โค้ชธง ไปสำหรับการสร้าง ‘กระต่ายแก้ว’ ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับให้เวลาตั้งตัวตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล
ความคาดหวังของผู้บริหาร หรือแฟนบอล บีจี ก็คงเป็นเรื่องการสร้างรากฐานขึ้นมาใหม่ ด้วยรูปแบบการเล่น พร้อมกับเสริมทัพด้วยนักเตะคุณภาพระดับ ก็อาจจะทำให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไปได้ไกลในระยะยาว เฉกเช่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่ขึ้นมาคว้าแชมป์ฤดูกาลเดียว และร่วงหายไป หรือไปฝากความหวังเอาไว้กับผู้เล่นต่างชาติในแดนหน้า
ซึ่งในเกมแรกของ ธงชัย สุขโกกี ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลกับ ชลบุรี เอฟซี พวกเขาทำได้เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน ทั้งโอกาสการยิง การครองบอล และเอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ตัวเลือกครั้งนี้มีแววที่จะพากระต่ายตัวนี้ไปได้ไกล
ในแง่การเสริมทัพ พวกเขาเลือกที่จะปล่อยผู้เล่นต่างชาติแทบยกชุด เหลือไว้เพียง วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ที่ดึงกลับมาจากเชียงราย ยูไนเต็ด และสองพี่น้องฟานดี้ ที่เจ็บไปในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา บีจี เลือกที่จะดึงกองหน้าดีกรีดีอย่าง อิกอร์ เซเกอเยฟ ตัวท็อปของวงการฟุตบอลอุซเบกิสถาน ที่ติดทีมชาติมามากกว่า 50 นัด พร้อมดึงของพร้อมใช้งานอย่าง ดานิโล่ อัลเวส และเรนาโต้ เคลิช ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ชลบุรี เอฟซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่ที่เป็นเสียงฮือฮาที่สุดคือการประกาศคว้าตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาจากญี่ปุ่น ด้วยค่าตัวมหาศาล ที่จะเข้ามาประสานกับเหล่าผู้เล่นทีมชาติไทย ผู้เล่นระดับท็อปทั้ง สารัช อยู่เย็น หรือธีรศิลป์ แดงดา ทำให้รายชื่อผู้เล่นในมือของ ‘โค้ชธง’ ดูยอดเยี่ยม และอาจจะดีกว่าชุดที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีก ได้ด้วยซ้ำ
โค้ชธง ประเดิมไทยลีก ฤดูกาลนี้นัดแรกด้วยการบุกไปเยือน โปลิศ เทโร แม้จะไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่ทีเด็ดของ ‘โค้ชอ้น’ และลูกทีม ทำให้ทีมใหญ่น้ำตาตกมานักต่อนักแล้ว บีจี ปทุม เลือกใช้รูปแบบการ 4-3-3 แบบที่ โค้ชธง ชื่นชอบมาตั้งแต่ตอนที่คุม นครปฐม ยูไนเต็ด แม้ว่าจะได้ประตูขึ้นนำก่อนถึง 2 รอบ แต่ก็ไม่สามารถปิดเกมได้ จบด้วยผลเสมอ 2-2 แบบไม่น่าพอใจ เพราะโอกาสยิงก็ไม่ได้มากกว่า การครองบอลก็เท่ากัน
ส่วนเกมที่เพิ่งผ่านมา พวกเขาได้เล่นบ้านเจอกับ พีที ประจวบ ยูไนเต็ด รูปแบบการเล่นมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็น 3-5-2 และเลือกใช้ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล กองกลางตัวรับระดับทีมชาติไทย ไปเล่นแบ็กซ้าย ทั้งๆ ที่ในทีมมีแบ็กซ้ายอาชีพนั่งอยู่ และผลก็จบด้วยการเสมอ 0-0 ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลับคาจอทีวีกันเป็นแถว
การเก็บได้เพียง 2 คะแนนจาก 2 เกม พร้อมกับรูปแบบการเล่นที่ไม่ค่อยน่าประทับใจ ก็ทำให้เกิดคำถามกับเฮดโค้ชอย่าง ธงชัย สุขโกกี ตามมาว่าเขาจะอยู่ได้นานเพียงใด และเหมาะกับทีมใหญ่ๆ จริงหรือไม่ แม้ว่าก่อนหน้านี้ทาง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เคยออกมาบอกว่าฤดูกาลนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นแชมป์ แต่มันจะจริงไหม เพราะดูจากการทุ่มงบประมาณ โดยเฉพาะการทุ่มซื้อ ‘ชนาคุง’ กลับมาเล่นในไทย คงหวังอะไรติดไม้ติดมือไม่มากก็น้อย
หลังเกมกับ พีที ประจวบ ยูไนเต็ด โค้ชธง ก็เปิดใจว่าพร้อมให้ต้นสังกัดพิจารณา “ผมก็ต้องยอมรับว่าผลการแข่งขัน 2 เกมสำหรับทีมใหญ่อย่างบีจีเนี่ย 2 แต้มมันถือว่าไม่ตรงตามที่ต้องการ ไม่ตรงกับที่ตั้งเป้าเอาไว้อยู่แล้ว หลังจากนี้ผมก็จะทำงานให้หนักขึ้น ก็อย่างที่บอกครับ ผมพร้อมช่วยทีมเสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมมีความรู้สึกว่าผมไม่หมาะสม อันนั้นผมก็น้อมรับครับ”
2 เกม กับการตัดสินว่าโค้ชคนไหนใช่ หรือไม่ อาจจะเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป แต่กับไทยลีก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกกินโค้ชแล้ว การปลดโค้ชต้นฤดูกาลกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เพราะแค่ผ่านมาเพียง 2 เกม ก็มี 2 ทีมเปลี่ยนเฮดโค้ชไปแล้วเช่นกัน
ต้องมาดูว่า เหล่าผู้บริหารของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะอดทนกับการสร้างรากฐานได้นานเพียงใด หรือโค้ชธง จะพาทีมเข้าฝั่งได้ไหม เราอาจจะได้รู้กันในเวลาไม่นานเกินรอ
เขียนโดย The Lite Team.